Welcome to T.H.N-Guidance ยินดีต้อนรับสู่...งานแนะแนวโรงเรียนถาวรานุกูล จังหวัดสมุทรสงคราม

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554



ปราการแห่งความรัก
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เวียดนามเป็นโศกนาฏกรรมแห่งความรัก
ที่บันทึกไว้ในข้อเขียนเรื่อง "เมตตาภาวนา คำสอนว่าด้วยรัก"
ของท่าน "ติช นัท ฮันท์ อ่านจบหลายครั้งก็ยังประทับใจ จึงอยากนำมาเล่าต่อ
ชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งเพิ่งแต่งงานกัน
ได้ไม่นาน  ฝ่ายชายก็ถูกเกณฑ์ไปราชการสงคราม
หญิงสาวไปส่งสามีจนสุดสายตา เขาหายไปในสงครามเป็นเวลา
กว่า 3 ปีจึงส่งข่าวคราวกลับมา...
Photo Sharing and Video Hosting at Photobucketเธอดีใจมากจูงมืออ้ายตัวเล็กไปรับผู้เป็นพ่อแต่เช้าตรู่
ทันทีที่พบกันทั้งสองโผเข้าหากัน สัมผัสไออุ่นจากกันและกัน
นิ่ง นาน  จนเกือบลืมไปว่ามีลูกชายตัวเล็กยืนจ้องตาแป๋วอยู่
ผู้เป็นพ่อดีใจมาก ยื่นมือไปหมายกอดลูกชาย...แต่เจ้าหนู
ถอยกรูด ....แม่ปลอบว่า "อย่าตกใจ  เจ้าหนูไม่เคยเห็นหน้า
พ่อมาก่อนก็เป็นเช่นนี้แหละ"ทั้งสามเดินกลับมาตามทางจนถึงตลาด
หญิงสาวขอตัวเข้าไปซื้อข้าวของสำหรับทำกับข้าวมื้อพิเศษ
ชายหนุ่มมีโอกาสอยู่กับลูกชายจึงขออุ้มเจ้าตัวน้อยอีกครั้งหนึ่ง
แต่ไม่สำเร็จ เท่านั้นยังไม่กระไร  พอเจ้าลูกชายเริ่มพูดบางสิ่ง
บางอย่างเขาจึงรู้สึกได้ถึงที่มาแห่งปฏิกิริยาอันผิดปกติ
"น้าไม่ใช่พ่อของหนู พ่อหนูมาหาแม่ทุกคืน พอแม่นั่งพ่อก็นั่ง
พอแม่ยืนพ่อก็ยืน..."  เพียงไม่กี่คำเท่านี้เอง
หัวใจของชายหนุ่มผู้เหนื่อยหนักมาจากสงครามอันแสนหฤโหด
ยาวนานก็พลันกระด้างยังกับแผ่นศิลา
สักพักหนึ่งพอหญิงสาวเดินกลับมาจากตลาด เธอก็พบว่า
ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขาไม่เพียงแต่เปลี่ยนไป
เป็นคนละคน   หากหน้าเธอเข้าก็ไม่ปราย ตามองอีกต่อไป
เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

เย็นวันนั้น  อาหารที่เธอบรรจงทำอย่างสุดฝีมือเพื่อต้อนรับ
Photo Sharing and Video Hosting at Photobucketการกลับมาของเขาจืดสนิท  ทั้งคู่เข้านอนแต่หัวค่ำ
ต่างนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืด
เธอถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นขณะที่เธอแวะไปซื้อของ
เขาถามว่าเธอยังเป็นผู้หญิงคนที่เขาสุดรักอย่างจับใจ
คนเดิมอยู่หรือเปล่าต่างคนต่างถามกันและกันในความมืด
ทว่าเป็นการถามที่เงียบงำจนวังเวง
เขาเย็นชากับเธอจากวันแรกจนถึงวันที่สาม ไม่มีการถามไถ่
ไม่มีการโอบกอดอันอบอุ่น ไม่มีการรับประทานอาหารร่วมกัน
อย่างเอร็ดอร่อย  ไม่มีแม้แต่การปรายตามองกันและกัน
อย่างเต็มสองตาฉันสามีหนุ่มภรรยาสาว
การณ์เป็นไปดังนั้นอยู่จนถึงเย็นวันที่สาม   แล้วความอดทน
ของเธอก็สิ้นสุดลง   เธอตัดสินใจลาจากความระทมทุกข์
ที่แม่น้ำสายหนึ่ง  ทิ้งปมปัญหาทุกอย่างไว้ ข้างหลังอย่างไม่ไยดี
เย็นวันนั้นเขารู้ข่าวการจากไปของเธอด้วยน้ำตานองทั้งสองแก้ม
เขาไปรับศพเธอมาบำเพ็ญกุศลอย่างเงียบๆ ในบ้านของตัวเอง
มีเพียงเจ้าหนูเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเขาจนดึกดื่น
และคืนนี้ความลึกลับทั้งปวงก็ได้รับการคลี่คลาย
ตะเกียงน้ำมันก๊าดที่จุดไว้บนโลงค่อยๆหรี่ลงจวนเจียนจะดับ
เขาเติมน้ำมันแล้วจุดใหม่   เปลวไฟโชนแสงวูบวาบ  เขาลุกเดิน
กลับไปกลับมา  ขณะนั้นเอง...เงาของเขาทาบทอไปปรากฏยังฝาเรือน
เจ้าหนูชี้ไปที่เงาพลางตะโกนลั่น "นั่นไง พ่อหนูมาแล้ว
พอแม่นั่งพ่อก็นั่ง แม่ยืนพ่อก็ยืน คนนั้นแหละพ่อของหนู"

ชายหนุ่มมองตามเจ้าหนู เห็นเงาของตัวเองทาบทออยู่ที่ฝา
จึงเข้าใจขึ้นมาในนาทีนั้นเองว่า "พ่อ" ที่เจ้าหนูเอ่ยถึงก็คือ "เงา"
ที่เห็นอยู่นี่เอง ปริศนาทุกอย่างกระจ่างแล้ว
เธอ...คงรักเขามากสินะ ถึงขนาดสมมุติให้เงาตัวเองเป็นเขา
แล้วบอกเจ้าหนูว่าเงาก็คือตัวเขา คือ "พ่อ"ที่หายไปในสงคราม
โอ...ไม่น่าเลยความจริงนี้เจ็บปวดเกินไป เจ็บเกินกว่าหัวใจของ
คนธรรมดาจะรับไหว
....รุ่งขึ้นอีกวัน เขาชดใช้ความผิดพลาดอย่างมหันต์ของตัวเอง
ด้วยการให้แม่น้ำเป็นตุลาการผู้พิพากษาชีวิตเขาอีกชีวิตหนึ่ง...
เรื่องราวของเขาและเธอเป็นโศกนาฏกรรมแห่งความรัก
ที่เล่าขานกันมาอีกนาน เท่านาน
....วันนั้น หลังจากเจ้าหนูพูดถึง "พ่อ" ของตัวเองให้เขาฟัง
ที่กลางตลาด  หากเขา ไม่หุนหันพลันแล่น มีสติสักนิดหนึ่ง
Photo Sharing and Video Hosting at Photobucketถามไถ่จากเธอว่า "พ่อ"  คนที่เจ้าหนูพูดถึงคือใคร และหลังจาก
ที่เขาเย็นชา ปิดปากเงียบสนิท  หากเธอจะอาจหาญถามเขา
กลับไปว่ามันเกิดอะไรขึ้นเธอก็คงไม่ต้องเจ็บจนเกินเยียวยา
และเขาเองก็คงไม่ต้องจบชีวิตอย่างน่าอนาถเช่นนั้น
ไม่ใช่เธอไม่รักเขา และไม่ใช่เขาก็ไม่รักเธอ หากทั้งเธอและเขา
ต่างรัก ต่างภักดีต่อกันอย่างสุดซึ้ง ความรักของคนทั้งสอง
บริสุทธิ์ งดงามหมดจด จนกลายเป็นตำนานเล่าขานดังเรื่องราวของ
วีรบุรุษวีรสตรี  ผู้พิชิตความผิดพลาดหากจะพึงมีบนเส้นทาง
แห่งรักแท้จนกลายมาเป็นโศกนาฏกรรมของคนทั้งคู่  
เกิดจากเส้นบางๆของปราการแห่ง "ทิฐิ" โดยแท้  หากทั้งเธอและเขา
ยอมวาง "ทิฐิ" ลง แล้วหันหน้าเข้าหากันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย 
ถามไถ่จากกันและกัน  อย่างให้เกียรติกันทั้งสองฝ่ายไหนเลย
จะต้องมาจำพรากPhoto Sharing and Video Hosting at Photobucketทั้งที่ยังรักล้นใจเช่นนั้น
รักเอย รักนั้นงดงาม...........
บริสุทธิ์ อ่อนหวาน
ไม่ใช่ความผิดของความรักหรอกจะบอกให้
ผิดที่ใจอันมากด้วย "ทิฐิ" ของทั้งคู่นั่นต่างหาก
ปรารถนารักที่ยั่งยืนหมื่นปี
อย่าให้มี "ปราการแห่งทิฐิ"มากางกั้นแค่นั้นพอ ........

จากเรื่องราวที่นำมาฝากนี้น่าจะเป็นข้อเตือนใจ
สำหรับทุกครอบครัวที่กำลังอยู่ภายใต้
การครอบงำของ "ทิฐิ" 
จงหยุด...คิด...และใช้เหตุผล...ชีวิตครอบครัว
จะไม่พบกับคำว่า "แตกแยก  และเจ็บปวด" นะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น